วันศุกร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2551

เปลี่ยนโรงพยาบาลอีกแล้ว


หลังจากหาหมอครั้งที่แล้ว ก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ ไม่ใช่เพิ่งไม่สบายใจนะ แต่รู้สึกหลายครั้งแล้ว เลยตัดสินใจเปลี่ยนโรงพยาบาล แล้วก็เป็นช่วงเปลี่ยนโรงพยาบาลของประกันสังคมพอดี

แต่ช่วงที่รอเปลี่ยนไปอีกโรงพยาบาลที่ 3 เราก็ลองเอาเคสของเราไปคุยกับอาจารย์หมอโรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งของกทม. เผื่อท่านจะสนใจศึกษาเคสของเรา ปรากฎว่า ท่านไม่สนใจศึกษาและโรงพยาบาลที่ท่านสังกัดก็ไม่รับคนไข้ประกันสังคมเพิ่มแล้ว มันน่าเศร้าเนอะ ที่ต้องเอาอาการป่วยของเราไปถามหมอว่าจะรับรักษาเรามั้ย แต่เราไม่สามารถจ่ายเงินสดได้นะ เรามีแต่ประกันสังคม

ก่อนที่เราจะมา รพ.ที่ 3 เราได้เข้าไปดูข้อมูล รพ. เพื่อดูว่า เราควรไปวันไหน เพื่อจะได้พบหมอเฉพาะทาง หรือจากโรคที่เป็นเราควรทำอย่างไรดี เราก็เลยเมลล์ไปคุยกะหมอที่ดูแลประกันสังคมของ รพ. โดยตรงเพื่อขอคำแนะนำ ซึ่งเราก็ไม่คาดว่า หมอจะตอบมาหรอก ปรากฎว่า เราได้รับเมลล์ตอบจากหมอ เราแทบไม่อยากเชื่อเลยนะ เราเมลล์กลับไปขอบคุณหมอที่ตอบเรา หมอยังตอบกลับมาว่า ถ้าได้มาที่ รพ. ให้แวะมาคุยกัน โหๆๆๆ ทำให้เรารู้สึกดีกับ รพ. นี้ตั้งแต่ยังไม่ไปเลย

วันนี้ 1 ก.พ. เราไปโรงพยาบาลที่ 3 ตามสิทธิประกันสังคม ก็ปฏิบัติตามขั้นตอนของโรงพยาบาล ทำบัตรเสร็จ ต้องไปที่แผนกตรวจคนไข้ประกันสังคม อยากจะบอกว่า ประกันสังคมที่นี่ดูแลดีมาก ๆ หมอที่ตรวจเราที่ประกันสังคมบอกว่า "ต้องส่งเราไปพบแพทย์เฉพาะทางนะ ไปที่อายุรกรรม ต้องรอนานนิดนึงนะ เพราะคนเยอะ" โห หมอพูดจาดีมาก ๆ พยาบาลก็พูดจาดีสุด ๆ

เราลงไปที่อายุรกรรม พยาบาลที่ฝ่ายคัดกรองให้เราไปเจาะเลือดเพื่อตรวจปริมาณเกร็ดเลือดก่อนพบหมอ เจาะเสร็จก็มานั่งรอ สักชั่วโมงก็ได้พบหมอล่ะ

หมอถามว่า เรารักษาอยู่อีกทีนึง ทำไมมาที่นี่ล่ะ เราก็ว่า เราเปลี่ยนประกันสังคมหนะ หมอก็อ่านเอกสารที่เราเอามา มีทั้งใบ refer มาจาก รพ.ที่ 1 ผลเลือดทุกเดือนจาก รพ.ที่ 2 หมออ่านสักพัก แล้วถามว่า ที่ รพ.เดิมดูเรื่องจุดในตับหรือยัง (เรามีจุดในตับซึ่งเจอพร้อมกับเกล็ดเลือดเนี่ยแหละค่ะ) เราก็บอกว่า ยัง แล้วที่เดิมทำไรมั่ง เราก็ว่า เจาะเลือดแล้วก็ให้ยา hydroxyurea หมอว่า คุณรู้มั้ย ว่ายาตัวนี้ ถ้าทานเป็นเวลานาน จะทำให้เป็นมะเร็ง เราว่า รู้แล้วเราเคยอ่านเจอเรื่องลูคีเมีย แต่หมอที่ รพ.1 บอกว่า ยังไม่มีงานวิจัยชัดเจนว่า เป็นเพราะยาหรือเป็นเพราะโรคที่ทำให้คนไข้เป็นลูคีเมีย แล้วหมอที่ รพ.1 กะ 2 ก็บอกเหมือนกันว่า โรคที่เราเป็นเนี่ย เป็นมะเร็งอย่างนึง หมอท่านนี้บอกว่า ใช่

หมอบอกว่า มียาอีกตัวนึง ที่ดีกว่าตัวนี้ แต่ค่อนข้างแพง เม็ดละ 150 บาท วันนึงต้องกิน 6 เม็ด โห ตายแน่ตรู กินยาวันละ 900 ซึ่งเราต้องจ่ายเอง เพราะยาตัวนี้ ไม่อยู่ในบัญชีประกันสังคม แล้วหมอก็สั่งให้ไปเจาะเลือดเพิ่มอีก (ฮ่วย) แล้วสั่งทำ CT SCAN อีก หมอบอกว่า คิดว่า จุดในตับไม่น่าเกี่ยวแล้วล่ะ เพราะถ้าเกี่ยว ป่านนี้อาการคุณต้องมีแล้วเพราะมัน 6 เดือนมาแล้ว

เราก็รับใบสั่งเจาะเลือด สั่งสแกน ไปดำเนินการ พอไปถึงห้องเจาะเลือด ต้องเจาะอีก 4 หลอด (เวง) แล้วหลอดใหญ่ด้วย ขนาดคนเจาะเลือดมารุมดูเรากัน 4 คนหนะ ว่าทำไมเจาะหลอดใหญ่ แล้วเจาะอีกหลายหลอด เพราะเราเพิ่งมาเจาะไปเมื่อเช้า ปรากฏว่า มีเลือดหลอดใหญ่ 2 หลอด ต้องส่งไปแลปอีก รพ.นึง ซึ่งเป็น รพ.ที่เราเคยไปคุยกะอาจารย์หมอนั่นแหละ แล้วอีก 2 หลอดตรวจที่นี่แหละ แต่ไม่รู้ว่าตรวจอะไร เพราะผลยังไม่ออก

เจาะเลือดเสร็จ วันนี้เจาะมันสองแขนเลย อิอิ แล้วไปจองคิวสแกน ได้เดือนมีนาคมอ่ะ

กลับมาหาหมอที่ห้องตรวจอีกที หมอนัดสิ้นเดือนนี้อีก แล้วสั่งงดยา hydroxyurea เพราะเม็ดเลือดขาวต่ำแล้ว เหลือแค่ 4000 ส่วนเรื่องเปลี่ยนยาไปทานอีกตัวนึง หมอว่า จะลองสั่งดูเผื่อได้ แต่เดือนนี้ให้งดก่อน ส่วนเอกสารประวัติการตรวจที่เราทำสำเนาไป หมอให้พยาบาลเก็บใส่แฟ้มไว้เลย ซึ่งหมอจาก รพ.เดิม ไม่ดูแม้แต่ใบ refer ด้วยซ้ำ

วันนี้กลับมาบ้าน รู้สึกดีขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย อย่างน้อยการที่หมอใส่ใจดูแลเรา ดูอาการที่เราเป็นสักหน่อย เราก็รู้สึกดีแล้วล่ะ.....