เหตุที่ทำให้เราปรึกษากับหมอเพื่อตัดสินใจมาลองยา Anagrelide นั้น เราต้องขออนุญาตเล่าเรื่องราวย้อนไปเล็กน้อยนะคะ เนื่องจากห่างหายไปนานและเป็นเหตุที่สืบเนื่องกัน โดยจะขอย้อนไปเมื่อครั้งที่เราไปหาหมอวันที่ 16 ธ.ค. 2551
ครั้งนั้น ปริมาณเกล็ดเลือดอยู่ที่ 808,000 เม็ดเลือดขาวอยู่ที่ 4,900 หมอเพิ่มยา hydrea เป็นเช้าและเย็น มื้อละ 1 เม็ด แล้วบอกว่า คราวหน้าถ้าเกล็ดเลือดยังไม่ลด หมอคงต้องให้เปลี่ยนไปทานยาอีกตัว ซึ่งจะกดแต่เกล็ดเลือดอย่างเดียว แต่ปัญหาคือ ยาตัวนี้ ไม่อยู่ในบัญชียาหลัก ต้องจ่ายตังค์เอง (เราเคยบอกหมอว่า เรามีค่ารักษาพยาบาลซึ่งเป็นสวัสดิการของที่ทำงานอยู่จำนวนหนึ่ง ที่จะนำมาจ่ายค่ายาตัวนี้ได้) เราก็ อ่อค่ะ ถ้ายังไม่ลง ก็ลองดูค่ะ
ครั้งต่อมาวันที่ 13 ก.พ. 2552 ผลจากการเพิ่มยา hydrea ทำให้เกล็ดเลือดลดลงเหลือแค่ 377,000 เม็ดเลือดขาวลดเหลือ 3,200 ซึ่งตั้งแต่เรามีปัญหามา เกล็ดเลือดเราไม่เคยลงมาได้ต่ำขนาดนี้เลย หมอบอกว่า แต่เม็ดเลือดขาวก็ต่ำนะ เราเลยบอกหมอว่า เราเคยเม็ดเลือดขาวต่ำกว่านี้ แล้วเกล็ดเลือดไม่ได้ต่ำขนาดนี้เลย คราวนี้เราว่าเป็นค่าที่ดีที่สุดตั้งแต่เราป่วยมา หมอก็เลยลด hydrea เหลือวันละ 1 และ 2 เม็ด สลับวันกัน คือ หมออยากให้ทานวันละเม็ดครึ่งหนะ แต่มันเป็นยาแคปซูล ก็เลยต้องให้ทานแบบสลับวัน
ถัดมาอีกสองเดือน วันที่ 24 เม.ย. 2552 ผลจากการลดยา ทำให้เกล็ดเลือดเพิ่มขึ้นมาเป็น 493,000 เม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ซึ่งการเพิ่มของเกล็ดเลือด ก็ยังอยู่ในระดับที่รับได้ แต่ได้เม็ดเลือดขาวเพิ่มมาน้อยมาก ซึ่งเราอยากให้เม็ดเลือดขาวเพิ่มมากกว่านี้อีกหน่อย ก็เลยปรึกษากับหมอเรื่องยาที่หมอเคยบอกไว้ ว่าจะกดเฉพาะเกล็ดเลือดอย่างเดียว และเรามีสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลที่เหลือซึ่งจะนำมาจ่ายค่ายาได้ ก็เลยตกลงว่าหมอจะทำใบสั่งซื้อยาตัวใหม่ให้ ที่ต้องทำใบสั่งซื้อเพราะยาตัวนี้ ไม่มีสต๊อกไว้ในโรงพยาบาล ต้องสั่งซื้อเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น ค่ายาเท่าที่คุยกับหมอก็ประมาณ 18,000 กว่าบาท หมอนัดอีกประมาณ 20 วัน
วันนี้ 15 พ.ค. 2552 เราตื่นตั้งแต่ตี 5 ครึ่ง ทานอาหารเช้าเรียบร้อย ออกจากบ้าน 6 โมงกว่า ค่อนข้างทุลักทุเลเล็กน้อย เนื่องจากฝนตกตั้งแต่กลางคืนจนถึงเช้า ซึ่งตก ๆ หาย ๆ แบบนี้มา 3 วันแล้วค่ะ เดินลุยฝนแถมน้ำท่วมขังพื้นถนนอีกไปหน้าปากซอยเพื่อขึ้นรถ เดินไปก็นึกไป จะตกไรกันนักหนาเนี่ย กว่าจะถึงโรงพยาบาล 7 โมงครึ่ง
ถึงโรงพยาบาลก็รีบไปยื่นบัตรโรงพยาบาล แล้วไปรับรองสิทธิประกันสังคม ไปรับบัตรคิวเพื่อเจาะเลือด พอรับบัตรคิวมา แล้วมองลำดับที่กำลังเรียกเจาะตอนนี้ เรานึกในใจเลย โอ้โห ไรกันวุ้ย เราต้องรออีกเกือบ 200 คิว (ตอนนั้น เรียกลำดับที่ 220 กว่า ๆ แต่เราลำดับที่ 410) ไม่เป็นไร สู้ตาย อิอิ จากนั้นก็รีบไปยื่นบัตรนัดที่เคาน์เตอร์พยาบาลเพื่อรับบัตรคิวอีก งวดนี้ได้ลำดับที่ 291 จากนั้น ก็ต้องกลับไปรอเจาะเลือดค่ะ แต่เราใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ อิอิ เนื่องจากมาโรงพยาบาลนี้จนชำนาญทำให้เรารู้ว่า วันศุกร์มักจะมีตลาดนัด ซึ่งได้เงินเราประจำ เราก็เลยไปเดินช๊อปปิ้งก่อน
กลับจากช๊อปปิ้ง มาที่หน้าห้องเจาะเลือด ก็ยังต้องรออีก 100 กว่าคิว ก็เลยเอา notebook มาเล่นเน็ต อิอิ เราเริ่มชำนาญไงคะ รู้ว่าจะต้องคอยแต่ละจุดนานแค่ไหน ก็เล่นไปเรื่อย จนได้คิวเราล่ะ กว่าจะได้เจาะเลือด 9.15 น. วันนี้ป้าพยาบาลเจาะเจ็บได้ใจจริง ๆ ขอบอก
เจาะเลือดเสร็จ รีบมาที่เคาน์เตอร์พยาบาล เพื่อชั่งน้ำหนัก วัดความดัน จากนั้นก็รอพบหมอค่ะ บริเวณนั้นจะมีคนไข้และญาติคนไข้มารอเป็นจำนวนมาก หาที่นั่งยากมาก ๆๆๆๆๆ ที่แออัดคับแคบสุด ๆ แต่เราชินแล้วค่ะ บางทีไม่มีเก้าอี้นั่ง จนต้องไปนั่งรอตามขั้นบันได บางทีก็ต้องยืนจนกว่าจะมีเก้าอี้ว่าง สภาพการณ์เหมือนเก้าอี้ดนตรีหนะค่ะ วันนี้เราโชคดีได้ที่นั่ง ก็เปิด notebook เล่นเน็ตอ่านโน่นนี่ไปเรื่อย จนได้ยินเสียงพยาบาลประจำห้องหมอเรียกชื่อเรา เรามาจนจำเสียงพยาบาลได้แล้วค่ะ เข้าไปแล้วไม่ใช่ว่าจะได้พบหมอเลยนะคะ พยาบาลจะเรียกคนไข้ไปนั่งรอเรียงลำดับที่หน้าห้องหมอก่อนค่ะ เพื่อความรวดเร็ว กว่าเราจะได้พบหมอก็ประมาณ 10.40 น.
พอได้พบหมอ ก็ปรากฎว่า ผลเลือดเรายังไม่ออก แต่ไม่เป็นไร หมออธิบายเรื่องยาตัวใหม่ให้ฟังก่อนค่ะ ยาตัวนี้จะมีผลข้างเคียง 3 ข้อคือ
1. อาจทำให้มือและเท้าบวม เท้าอาจบวมจนถึงขนาดใส่รองเท้าไม่ได้
2. จากการที่บวม ก็จะทำให้น้ำหนักขึ้น ซึ่งถ้าขึ้นมา 1-2 กิโล หมอบอกว่า ไม่เป็นไร
3. ยาตัวนี้จะทำให้ความดันต่ำลง ฉะนั้นอาจเกิดอาการหน้ามืด วิงเวียน ใจหวิว ๆ
ซึ่งผลข้างเคียงทั้งหมด ถ้าทนไหวก็ให้ทานยาต่อไป แต่ถ้าไม่ไหว ให้หยุดยาทันที โดยหมอจะเริ่มยาที่วันละ 1 เม็ดก่อน จากนั้น จึงค่อยเพิ่มเป็นวันละ 2 เม็ด ถ้าหากร่างกายรับยาที่ 2 เม็ดไม่ไหว ก็ให้ลดมาเหลือแค่ 1 เม็ด แต่ถ้าร่างกายรับยาตัวนี้ไม่ไหว ก็ให้หยุดทานทันที แสดงว่าร่างกายรับยาตัวนี้ไม่ได้ หมอสั่งยาให้เราทั้งหมด 84 เม็ดตามค่ารักษาพยาบาลของที่ทำงานที่ยังเหลือ ซึ่งตอนนั้นหมอบอกว่า ให้กินยาตัวใหม่ควบคู่ไปกับ hydrea โดยหมอก็สั่ง hydrea ให้ด้วย หมอบอกว่า อยากให้งด hydrea แต่ขอดูผลเลือดก่อน
คุยกับหมอเรียบร้อย ผลเลือดก็ยังไม่ออกมา ก็ต้องออกมานั่งคอยที่หน้าห้องหมออีก ประมาณ 11 โมง พยาบาลเรียกอีก ผลเลือดมาแล้ว ก็เข้าไปพบหมออีกรอบ หมอบอกว่า เกล็ดเลือดขึ้นมานิดเดียว แทบไม่ขึ้น แต่เม็ดเลือดขาวเริ่มดี ก็ให้งดยา hydrea เลย รวมถึงยาอื่น ๆ ที่ยังเหลือ ตอนนี้ให้ทานยาตัวนี้เท่านั้น
ออกจากห้องหมอ ก็ต้องมายื่นใบสั่งยาเพื่อชำระเงิน ที่ผ่านมาไม่เคยชำระเองเลยค่ะ ใช้สิทธิประกันสังคมมาตลอด นี่เป็นครั้งแรกที่ชำระเงินกับโรงพยาบาลนี้เลยค่ะ ค่อนข้างงงกับขั้นตอนเล็กน้อย แต่ที่นี่จะมีเจ้าหน้าที่ใส่ชุดสีชมพูเพื่ออำนวยความสะดวกและคอยแนะนำขั้นตอนต่าง ๆ อยู่ประจำแต่ละจุด เพื่อเราจะได้ไม่ต้องไปถามพยาบาล เราก็ดำเนินการตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่จนมารอรับยา ประมาณ 12.15 น. ได้รับยา ยาขวดนิดเดียว 18,819 บาท โห ถ้าหล่นน้ำไปสักเม็ดนะ ร้องไห้แน่เลย ตั้ง 220 บาท อิอิ
วันนี้เหน็ดเหนื่อยมาก กว่าจะถึงบ้านประมาณบ่ายสองโมง ฝนตก ๆ หาย ๆ ตลอด หิวก็หิว ยังไม่ได้ทานข้าวกลางวันเลย เพราะทุกครั้งเราใช้สิทธิประกันสังคม ขั้นตอนจะน้อยกว่าจ่ายเอง แค่ไปยื่นใบสั่งยาช่องสิทธิประกันสังคม แล้วก็ไปทานข้าวได้ เพราะตรงนั้นจะใช้เวลาเกือบชั่วโมง แต่วันนี้ต้องไปคิดราคายา ไปจ่ายเงิน แล้วถึงจะมารอยา แล้วเราก็ไม่รู้ว่าการรอยาสำหรับคนไข้จ่ายเงินเองจะใช้เวลาแค่ไหน เผื่อจะเร็ว (อันนี้แอบหวัง) เพราะอยากกลับบ้านเต็มทีค่ะ ฝนก็ตกไม่เลิก ไม่อยากตากฝนออกไปเปียกอีก สรุปแล้ว ใช้เวลาไม่ต่างกัน แล้วยังไม่ได้ทานข้าวอีก อิอิ เฮ้อออ....เหนื่อยค่ะ
เว็บบอร์ด โรคเกล็ดเลือดสูงโดยไม่ทราบสาเหตุ http://et.it-2u.com/
3 ความคิดเห็น:
http://www.morgangaiyasit.com/
เป็นการรักษาโดยวิธีีธรรมชาติ ลองอ่านดูนะคะ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ตอนนี้คุณเป็นอย่างไรบ้าง
Amlodipine Tablet is used to treat hypertension. That is a combination of two medicines that controls blood pressure when a single medication is not effective. It helps to lower high blood pressure and thus reduces the chances of future heart attack and stroke.
แสดงความคิดเห็น