ก่อนวันที่จะไปตรวจร่างกาย พี่ทางธรรมท่านหนึ่งแวะมาหาที่ทำงาน แล้วให้หนังสือชื่อ "ตีสนิทกับความตาย" ของ พระอาจารย์มานพ อุปสโม วัดนายโรง กรุงเทพมหานคร เราเห็นชื่อแล้วก็โดนใจมาก พลิกอ่านด้านใน เป็นหนังสือที่มาได้จังหวะที่เรากำลังเตรียมตัวพอดี
วันที่ 7 ธ.ค. 50 ต้องไปตรวจเลือดอีก รีบไปแต่เช้าเลย ยื่นบัตรเสร็จก็รีบไปเจาะเลือดตั้งแต่ 7.30 น. แล้วรีบไปยื่นแฟ้มประวัติ ปกติผลเลือดเนี่ย ประมาณชั่วโมงนึง ก็ได้ผลแล้ว แต่วันนั้น 8.30 น. ผลก็ยังไม่ออกมา ผลเลือดของคนไข้คนอื่นที่มาหลังเรา ออนไลน์ผลมาที่พยาบาลหมดแล้ว เหลือของเราคนเดียวจริง ๆ ที่ผลยังไม่ออกมา จน 9.00 น. พยาบาลต้องโทร.ไปถามที่ lab ระหว่างรออยู่ เราสังหรณ์นะ สงสัยผลออกมาไม่ดีอีกแล้วแน่ ๆ สักพักนึง พยาบาลมาบอกว่าผลออกแล้ว ให้เราไปพบหมอได้เลย ได้รู้ซะที
สังหรณ์เราแม่นยำอีกแล้ว ผลที่ออกมา ยาที่ทานไปตลอด 1 เดือน ทำให้เม็ดเลือดขาวหล่นไปเหลือแค่ 4000 จาก 4500 ซึ่งคนปกติต้องอยู่ที่ 5000 - 10000 ในขณะที่เกล็ดเลือดลงไปน้อยมาก ๆ จากเดิม 983,000 เป็น 945,000 หมอบอกว่า จะบูมไม๊ (อ๊าว จะรู้มั้ยล่ะคะหมอ) หมอบอกว่า ม้ามโตนะ เราถามหมอว่าจะให้ทาน hydrea เพิ่มเป็นสองมื้อมั้ย หมอว่าเพิ่มไม่ได้ เพราะเม็ดเลือดขาวเหลือน้อยเกินไป หมอว่า ให้ทานหัวกะทิวันละ 3 ช้อนโต๊ะ เพื่อช่วยเรื่อง organ
มานั่งรอยาอีกตึกนึง รู้สึกแย่มาก ๆ แล้วตอนนั้น กลั้นน้ำตาสุด ๆ จนกลับมาถึงบ้าน นั่งร้องไห้ ร้องจนปวดหัว แต่ไม่อยากกินยาแล้ว รู้สึกว่า ตัวเองกินยาเยอะเกิน ในตัวมียามากเกินไป แล้วเป็นยาอันตรายด้วย เลยพยายามที่จะไม่กินยาอื่น ๆ ถ้าไม่จำเป็น
ตอนเย็นมีนัดไปดูหนังเรื่อง พระพุทธเจ้า กับสมาชิกห้องธรรม ยังคิดอยู่จะไปดีมั้ย แต่ถ้าไม่ไป คงยิ่งแย่ เลยตัดสินใจไปดีกว่า ก็คิดถูกนะที่ไป เพราะการได้ไปเจอกับพี่ ๆ เพื่อน ๆ ก็ดีกว่าอยู่กับตัวเองมากเกินไป
กลับถึงบ้าน 5 ทุ่มกว่า อาบน้ำเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว คิดมาก นอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าหลับไปตอนกี่โมง ไม่ได้ดูนาฬิกาครั้งสุดท้าย รู้แต่ว่า กว่าจะหลับ นานมาก รู้สึกเหนื่อยจัง เหนื่อยที่ต้องไปหาหมอ เจาะเลือด เบื่อกินยาทุกวัน
วันนึง คงไม่เหนื่อย คงหายเบื่อเสียที...
วันที่ 7 ธ.ค. 50 ต้องไปตรวจเลือดอีก รีบไปแต่เช้าเลย ยื่นบัตรเสร็จก็รีบไปเจาะเลือดตั้งแต่ 7.30 น. แล้วรีบไปยื่นแฟ้มประวัติ ปกติผลเลือดเนี่ย ประมาณชั่วโมงนึง ก็ได้ผลแล้ว แต่วันนั้น 8.30 น. ผลก็ยังไม่ออกมา ผลเลือดของคนไข้คนอื่นที่มาหลังเรา ออนไลน์ผลมาที่พยาบาลหมดแล้ว เหลือของเราคนเดียวจริง ๆ ที่ผลยังไม่ออกมา จน 9.00 น. พยาบาลต้องโทร.ไปถามที่ lab ระหว่างรออยู่ เราสังหรณ์นะ สงสัยผลออกมาไม่ดีอีกแล้วแน่ ๆ สักพักนึง พยาบาลมาบอกว่าผลออกแล้ว ให้เราไปพบหมอได้เลย ได้รู้ซะที
สังหรณ์เราแม่นยำอีกแล้ว ผลที่ออกมา ยาที่ทานไปตลอด 1 เดือน ทำให้เม็ดเลือดขาวหล่นไปเหลือแค่ 4000 จาก 4500 ซึ่งคนปกติต้องอยู่ที่ 5000 - 10000 ในขณะที่เกล็ดเลือดลงไปน้อยมาก ๆ จากเดิม 983,000 เป็น 945,000 หมอบอกว่า จะบูมไม๊ (อ๊าว จะรู้มั้ยล่ะคะหมอ) หมอบอกว่า ม้ามโตนะ เราถามหมอว่าจะให้ทาน hydrea เพิ่มเป็นสองมื้อมั้ย หมอว่าเพิ่มไม่ได้ เพราะเม็ดเลือดขาวเหลือน้อยเกินไป หมอว่า ให้ทานหัวกะทิวันละ 3 ช้อนโต๊ะ เพื่อช่วยเรื่อง organ
มานั่งรอยาอีกตึกนึง รู้สึกแย่มาก ๆ แล้วตอนนั้น กลั้นน้ำตาสุด ๆ จนกลับมาถึงบ้าน นั่งร้องไห้ ร้องจนปวดหัว แต่ไม่อยากกินยาแล้ว รู้สึกว่า ตัวเองกินยาเยอะเกิน ในตัวมียามากเกินไป แล้วเป็นยาอันตรายด้วย เลยพยายามที่จะไม่กินยาอื่น ๆ ถ้าไม่จำเป็น
ตอนเย็นมีนัดไปดูหนังเรื่อง พระพุทธเจ้า กับสมาชิกห้องธรรม ยังคิดอยู่จะไปดีมั้ย แต่ถ้าไม่ไป คงยิ่งแย่ เลยตัดสินใจไปดีกว่า ก็คิดถูกนะที่ไป เพราะการได้ไปเจอกับพี่ ๆ เพื่อน ๆ ก็ดีกว่าอยู่กับตัวเองมากเกินไป
กลับถึงบ้าน 5 ทุ่มกว่า อาบน้ำเสร็จก็เกือบเที่ยงคืน กลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกแล้ว คิดมาก นอนไม่หลับ ไม่รู้ว่าหลับไปตอนกี่โมง ไม่ได้ดูนาฬิกาครั้งสุดท้าย รู้แต่ว่า กว่าจะหลับ นานมาก รู้สึกเหนื่อยจัง เหนื่อยที่ต้องไปหาหมอ เจาะเลือด เบื่อกินยาทุกวัน
วันนึง คงไม่เหนื่อย คงหายเบื่อเสียที...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น