เรารู้สึกแย่อยู่หลายวัน แล้วก็มาคิดว่า จะมามัวแย่อยู่ไม่ได้แล้ว ทั้งงานทั้งเรียน ไม่เป็นอันทำเลย หาข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรที่พอจะรักษาโรคนี้ได้ ก็ไม่ได้ข้อมูลเลย สุดท้ายก็มานึกถึงที่พี่หมอเคยบอกไว้ว่า "ดูแลเรื่องอาหาร ออกกำลัง นั่งสมาธิ" 2 อย่างแรก เราพยายามจัดการอยู่ แต่นั่งสมาธิเนี่ย เราจะเริ่มจากตรงไหน เราเป็นคนพุทธที่ห่างวัดมาก ๆ ในชีวิตเชื่อเรื่อง การทำดี ไม่เบียดเบียนใคร คิดว่าแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ชีวิตมีความสุขแล้ว พอถึงวันหนึ่ง ที่จะมานั่งสมาธิ มันเหมือนเป็นเรื่องใหม่ในชีวิตเราเลย
ปลายเดือนสิงหาคม มีงานมหกรรมสมุนไพรที่อิมแพค เป็นงานที่เราตั้งใจไปเลยล่ะ เพราะเราหาข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรทางเน็ตไม่ได้เลย พอเราได้รู้ข่าวงานสมุนไพรนี้ เราถึงได้ตั้งใจมาก เราไปถึงที่งานตั้งแต่ตอนสาย ๆ งานใหญ่ดีนะ เราเดินดูทุกบูธที่มีข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพร ได้รับเอกสารที่แจกมาเยอะมาก บางบูธที่ไม่มีเอกสารเราก็ยืนอ่าน เผื่อจะเจอสมุนไพรเกี่ยวกับโรคที่เราเป็นบ้าง แต่ไม่มีเลย ไม่มีสมุนไพรอะไรที่เกี่ยวกับโรคของเราเลย โรคของเรามันคงมีคนเป็นกันน้อยจริง ๆ ตอนก่อนไป ก็ไปอย่างมีความหวัง แต่พอไปแล้ว ยิ่งเดินไป ความหวังมันยิ่งริบหรี่ลงไปทุกที อารมณ์ตอนนั้นมันอยากร้องไห้มาก ๆ
วันที่ 10 ก.ย. 50 ไปเจาะเลือดอีกเหมือนเดิม เราคาดว่าเกล็ดเลือดต้องลดลงแน่ ๆ เพราะอาการเจ็บปลายเท้าและนิ้วมือลดลง ซึ่งหมายถึงว่า เม็ดเลือดขาวจะต้องลดลงด้วย อันเป็นผลมาจากการทานยาวันละ 2 ครั้ง แล้วก็เป็นไปตามที่เราคาดไว้ เกล็ดเลือดลดลงเหลือ 649,000 จากเดิม 1,074000 ส่วนเม็ดเลือดขาวเหลือ 5,500 จากเดิม 8,600 ซึ่งผลจากการลดลงของเกล็ดเลือดทำให้หมอรู้สึกพอใจมาก หมอเลยสั่งลดยาลง เหลือแค่วันละครั้งเหมือนเดิม หมออธิบายว่า ก็ต้องเพิ่มและลดยาไปตามปริมาณแบบนี้ไปตลอด แล้วหมอก็นัดอีก 2 เดือนถัดมา
ช่วงนี้ เป็นช่วงที่เราเรียนหนัก เริ่มนอนน้อยลงเพราะต้องทำรายงาน อ่านหนังสือเยอะมาก สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ อาการเจ็บปลายเท้าและนิ้วมือกลับมาอีก และบ่อยขึ้น ทำให้เรารู้เลยว่า ไปตรวจคราวนี้ ปริมาณเกล็ดเลือดต้องเพิ่มขึ้นแน่นอน สิ่งที่สังเกตเพิ่มขึ้นคือ โคนเล็บนิ้วโป้งเท้าทั้ง 2 ข้างเริ่มเป็นสีม่วงเหมือนที่มือแล้ว และที่ตั้งใจว่าจะฝึกสมาธิก็ต้องเลื่อนออกไปก่อนเพราะการบ้านเยอะมาก
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น